2025-05-16
HaiPress
'ธนจิรา' ทำรายได้ไตรมาสแรก 485 ล้านบาท กำไรร่วง 34.5%
🔊 ฟังข่าว
⏸️ หยุดชั่วคราว
🔄 เริ่มใหม่
นายธนพงษ์ จิราพาณิชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ยผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 ด้วยรายได้รวม 485 ล้านบาท เติบโต 4.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สะท้อนความสามารถในการสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความผันผวน โดยธุรกิจ HARNN ในจีนเติบโตอย่างโดดเด่น ขณะที่กลุ่มแฟชั่นยังคงขยายฐานลูกค้าได้ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 39 ล้านบาท ลดลง 34.5% จากปีก่อนหน้า โดยมีสาเหตุหลักจากการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจในระยะยาว และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังชะลอตัวจากปัจจัยทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา
“ภาพรวมของไตรมาสแรกปีนี้ ถือเป็นการเริ่มต้นปีที่เรายังคงเดินหน้าในทิศทางเชิงบวก โดยเฉพาะการเติบโตจากธุรกิจในต่างประเทศซึ่งแสดงศักยภาพได้อย่างชัดเจน รวมถึงการต่อยอดความสำเร็จในกลุ่มแฟชั่นและการเดินหน้าของการขยายธุรกิจร้านอาหารในประเทศ แม้กำไรสุทธิจะปรับตัวลดลงจากการลงทุนเพื่ออนาคต แต่เรายังเชื่อมั่นว่าทิศทางการเติบโตในระยะยาวยังคงแข็งแกร่ง”
ในไตรมาสนี้ธุรกิจต่างประเทศมีพัฒนาการที่น่าประทับใจสร้างรายได้รวม51.6ล้านบาทเติบโตมากกว่า200%จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเฉพาะHARNN Greater Chinaประเทศจีนมีสัดส่วนมากที่สุดในกลุ่มกิจการต่างประเทศสามารถรับรู้รายได้จากการจัดจำหน่ายสินค้าHARNNในร้านค้าCosmetic Chain Store,Specialty Storeรวมมากกว่า200จุดขายใน6มณฑล ได้แก่ มณฑลกวางตุ้ง เหอหนาน เฮยหลงเจียง เจียงซู เจ้อเจียง และธิเบต และยังมีร้านConcept Storeภายใต้แบรนด์HARNNอยู่2สาขา ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ และเซิ่นเจิ้น อีกทั้งยังมีรายได้จากช่องทางออนไลน์ซึ่งเป็นช่องทางหลักในการขายสินค้าในช่วงเริ่มต้นของธุรกิจในจีนนั้นสามารถสร้างสัดส่วนยอดขายได้ถึง68%จากยอดขายรวมในประเทศจีนผ่านE-commerce platformและLivestreamingต่างๆ เช่นT-Mall,Xiao Hong Shu,Douyin,JD.comขณะที่ประเทศเวียดนามก็เติบโตอย่างโดดเด่นจากกลยุทธ์ออนไลน์ จากการมีเครือข่ายKOLsที่แข็งแกร่ง และการสร้างแบรนด์HARNNและCath Kidstonซึ่งมีร้านค้าอยู่ในเมืองโฮจิมินห์ และฮานอย รวม11สาขา สำหรับประเทศญี่ปุ่นสามารถลดผลขาดทุนลงได้ดีขึ้นมากจากการควบคุมต้นทุนและการปรับกลยุทธ์ด้านสปาและการกระจายสินค้าผ่านคู่ค้าในจังหวัดต่างๆ
ทั้งนี้บริษัทฯ ได้รายได้จากการขายและบริการในกลุ่มธุรกิจในประเทศอยู่ที่425.3ล้านบาทลดลง3.5%จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าโดยสามารถแบ่งรายได้แยกตามกลุ่มธุรกิจดังนี้กลุ่มไลฟ์สไตล์ มีสัดส่วน51%โดยแบรนด์Pandoraเผชิญแรงกดดันจากการปรับราคาสินค้าและจำนวนคอลเลกชันที่ลดลงมากในไตรมาสนี้ ขณะที่Cath Kidstonยังคงเติบโตจากปีก่อนหน้าได้ต่อเนื่องแม้มีการปิดจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นกลุ่มแฟชั่น มีสัดส่วน 23%ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดแข็งของบริษัทฯ มีแบรนด์หลักอย่างMarimekkoและGANNIที่สร้างฐานลูกค้าได้มั่นคง ในขณะเดียวกัน แบรนด์ใหม่United ArrowsและMM6Maison Margielaสะท้อนความสามารถในการขยายฐานลูกค้าได้ต่อเนื่อง ทำให้กลุ่มแฟชั่นยังคงเติบโตอย่างมีศักยภาพกลุ่มความงามและเวลเนสมีสัดส่วน17%จากการขยายผลิตภัณฑ์และบริการของHARNNที่ตอบโจทย์ลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศและกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม มีสัดส่วน8%จากกลุ่มGordon Ramsayเติบโตและได้การตอบรับที่ดีของลูกค้าต่อคุณภาพอาหารและบริการ รวมทั้งจากการเปิดสาขาที่2ของBread Street Kitchen & Barที่ ไอคอนสยาม เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา
นายธนพงษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า“แม้บริษัทฯ จะมีค่าใช้จ่ายลงทุนสำหรับการขยายสาขาในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งยังต้องใช้เวลาในการสร้างยอดขายให้ถึงจุดคุ้มทุน แต่ยังคงมุ่งเน้นการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีวินัยเรามุ่งมั่นพัฒนาการดำเนินงานในทุกมิติโดยเฉพาะด้านการขาย (Retail Operation)ซึ่งเป็นหัวใจของธุรกิจ ทั้งการฝึกอบรมพนักงาน การออกแบบประสบการณ์ลูกค้าในร้าน และการเพิ่มสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อให้ลูกค้าได้รับคุณค่าที่เหนือความคาดหวัง”
ทั้งนี้สำหรับไตรมาส2/2568โดยทั่วไปถือเป็นช่วงLow Seasonทางบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์เชิงรุกในทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยให้ความสำคัญกับ3แกนหลัก ได้แก่1)การขยายฐานลูกค้าใหม่อย่างมีเป้าหมายโดยการเพิ่มแบรนด์แอคทีฟแวร์ ได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศบราซิล เข้าในพอร์ตกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์2)การยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานในทุกมิติโดยเฉพาะการบริหารหน้าร้านและการฝึกอบรมทีมขาย และ3)การควบคุมต้นทุนและบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีวินัยเพื่อลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และสร้างความแข็งแกร่งและผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้นในระยะยาว